สมัยนี้ วิตามิน กับความสวยหล่อเป็นของคู่กัน เพราะผู้คนโดยเฉพาะ “วัยหนุ่มสาว” จะหาซื้อวิตามิน ตามคำกล่าวอ้างในโฆษณา ที่มีสรรพคุณทั้งบำรุงร่างกาย และรักษาผิวพรรณให้สดใส ทำให้เกิดวิตามินชนิดต่าง ๆ อีกมากมายออกขายตามกัน จนเราเองก็เลือกแทบไม่ถูกว่า วิตามินแต่ละชนิดจะช่วยเรื่องไหน, ด้านใด หรือแม้แต่ประโยชน์กับโทษมีมากแค่ไหน เพราะฉะนั้นก่อนซื้อทาน ควรศึกษารายละเอียดของวิตามินตัวนั้น ๆ ให้ดีเสียก่อน เพื่อจะได้ไม่ต้องรู้สึกเสียเงิน และสุขภาพโดยเปล่าประโยชน์ในภายหลัง
ประโยชน์และโทษ รู้ก่อนทานวิตามิน A
วิตามิน A เป็นวิตามินที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น, เพิ่มภูมิคุ้มกัน, ทำให้อาการป่วยหายเร็วขึ้น, ทั้งยังเสริมสร้างให้กระดูก ฟัน และเล็บแข็งแรง นอกจากนี้ยังป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร, ระบบทางเดินหายใจและระบบปัสสาวะ ผิวและผมแข็งแรง ช่วยบรรเทาโรคที่เกี่ยวกับไทรอยด์ได้
ส่วนในด้านของผิวพรรณนั้น วิตามินเอ จะมีสารต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่, ลดอาการอักเสบของผิว, ช่วยลดเลือนจุดด่างดำได้ วิตามินเอจะมีชื่อเสียงในเรื่องของการลดสิว โดยเฉพาะสิวอักเสบ ในอุตสาหกรรมเวชสำอางค์ จึงได้นำวิตามินเอมาผสมทั้งครีม, แป้ง และผลิตภัณฑ์อีกหลาย ๆ ตัว
อาหารที่มีวิตามินเอโดยธรรมชาติ อยู่ในผักใบเขียว ใบเหลือง ไข่แดง ตับ นม เนย ปลา มะเขือเทศ แครอท เป็นต้น โดยวิตามินเอ ที่ได้จากเนื้อสัตว์จะดูดซึมได้ดีกว่า ในด้านของตัววิตามิน หรืออาหารเสริม จะมีการนำวิตามินเอมาผสมในปริมาณ 5,000 - 10,000 IU ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณ ที่กำลังพอดีต่อร่างกาย และได้มีการนำมาทำแบบเป็นน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์ในการทาเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ประโยชน์ของวิตามิน A
1. ช่วยให้ตาสู้แสงได้ในเวลากลางวัน สำหรับผู้ที่ขาดวิตามินเอ จะมีอาการตาไม่สู้แสง เมื่อเจอแสงแดด, ตาไวต่อแสง, แสบตา และทำให้น้ำตาไหลได้ง่ายอีกด้วย
2. คนที่ขาดวิตามินเอมาก ๆ จะมีอาการเยื่อบุตาแห้งและอักเสบ ทำให้เปลือกตาบวมและมีเม็ดขาวขุ่นขึ้นที่กระจกตา ถ้าไม่รีบรักษาอาจทำให้ตาบอดได้
3. รักษาอาการโรคตาฟาง หรือตาบอดในตอนกลางคืน คนเป็นโรคนี้จะมองในที่มืดไม่ชัด ทั้ง ๆ ที่มีแสงให้พอมองเห็น หรือไม่ก็อาจจะมองไม่เห็นเลย แสดงว่าขาดวิตามินเออย่างหนัก
4. ช่วยไม่ให้เหงื่อออกง่าย โดยการเข้าไปเพิ่มเคราติน ในผิวชั้นนอก ทำให้เยื่อบุมีความหนาขึ้น และเหงื่อก็จะออกน้อยลง
ป้องกันเซลล์เยื่อบุต่าง ๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติ เพราะถ้าเยื่อบุต่าง ๆ เกิดการผิดปกติ อวัยวะภายในร่างกาย ก็จะเกิดอาการอักเสบ เช่น ระบบทางเดินอาหารอักเสบ, เยื่อบุจมูกอักเสบ เป็นต้น เป็นผลให้ร่างกายทำงานผิดเพี้ยน และก่อให้เกิดโรคได้ง่าย
ช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโตตามปกติ, ไม่หยุดชะงัก หรือเกิดความผิดปกติในการเจริญเติบโต
5. ป้องกันผิวหนังแห้งหยาบ และเป็นแผลอักเสบ, พุพอง ซึ่งคนที่ขาดวิตามินเอมาก ๆ จะมีปัญหาเรื่องของผิวหนังที่เกิดตุ่ม, สาก และอักเสบไปในที่สุด จะเกิดมากโดยเฉพาะบริเวณ แขน ขา หลัง หน้าอก และหน้าท้อง
6. รักษาสิวได้ดี ลดอาการอักเสบของสิว ไม่ว่าจะสิวหัวช้าง สิวเสี้ยน สิวหนอง ก็สามารถทำให้ยุบได้อย่างรวดเร็ว และไม่ลุกลาม แถมยังป้องกันผิวแห้งแตกลายงา หรือแตกเป็นเกล็ดคล้ายคนขาดไขมัน เพราะในวิตามินเอ เป็นไขมันที่ละลายได้ง่ายในร่างกาย
โทษของวิตามิน A
1. สำหรับหญิงที่ตั้งครรภ์ ควรได้รับในปริมาณที่แพทย์สั่ง หรือแนะนำเท่านั้น เพราะถ้าได้รับวิตามินเอมาเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะแท้งลูกได้ง่าย หรือเสี่ยงต่อทารกพิการ และมีอาการกระดูกผิดรูปอีกด้วย
2. เกิดอาการเจ็บกระดูก และข้อต่อ ง่วง ซึม นอนไม่หลับ ผมร่วง กระวนกระวาย ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ท้องผูก ทั้งหมดเป็นโทษในระยะยาว จากการได้รับวิตามินเอ ที่มากจนเกินไป
3. ผิวหนังลอก ผัวหนังแห้งแตก และคันตามตัว
4. มีอาการกระดูกผิดรูป ตับโต ม้ามโตกว่าคนปกติ
ทั้งนี้วิตามินเอ ที่เป็นรูปแบบสารสังเคราะห์ แบบเม็ดนั้น ถ้ารับประทานเข้าไปมาก จะเกิดการสะสม เพราะวิตามินเอเป็นวิตามินที่มีรูปแบบ ในการสะสมอยู่ในร่างกาย ซึ่งปริมาณที่แนะนำในการรับประทานนั้น อยู่ที่ไม่เกิน 50,000 IU ต่อวัน และถ้ามีการรับประทานยาคุม ก็ไม่ควรทานวิตามินเอร่วมด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก honestdocs