ยุคโซเชียลทุกวันนี้ เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยที่ต้องใช้ชีวิตอยู่หน้าจอตลอดเวลา ไม่ว่าจะเช็ค Facebook ลงรูปใน IG ดูข่าวใน Twitter หรือแม้แต่จะดูซีรีส์ดูบอลบนแท็บเล็ต นี่ยังไม่นับการที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ซึ่งจากการสำรวจพบว่าชาว GEN Y อย่างเราๆ เนี่ยใช้เวลาท่องอินเตอร์เน็ตกัน เฉลี่ยมากถึง 7.6 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งวิถีชีวิตติดจอนานๆแบบนี้แหละ จะทำให้เสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัยอันควร
ซึ่งเจ้าโรคจอประสาทตาเสื่อมนี้ อาจร้ายแรงถึงขั้นทำให้ตาบอดได้เลยนะ แถมยังไม่มีวิธีการรักษาให้หายขาด ซึ่งเทคโนโลยีทางการแพทย์ในปัจจุบันทำได้แค่คงสภาพการมองเห็นที่เหลือไว้ให้ได้มากที่สุดแค่นั้น โดยอาการของโรคนี้ จะทำให้ความสามารถในการมองเห็นลดลง มองภาพไม่ชัดหนักขึ้นไปเรื่อยๆ เห็นเป็นภาพบิดเบี้ยว และเหมือนมีจุดสีดำบังตรงกลางจนตาบอดในที่สุด นั่นเป็นเพราะเจ้าแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน ที่ไปกระตุ้นให้เกิดการสะสมของอนุมูลอิสระแล้วไปทำลายเซลล์รับภาพในจอประสาทตา
นอกจากนี้ตามสถิติยังพบว่า วิถีชีวิตติดจอของคนยุคนี้ ยังทำให้เกิดอาการล้าที่ดวงตา ภาพเบลอ ตาพร่า หรือตาแห้งอีกด้วย ถ้าคุณเคยมีอาการเหล่านี้ล่ะก็ ต้องเริ่มหันมาดูแลสุขภาพตาอย่างจริงจังแล้วนะ เริ่มด้วยการหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงทั้งหลาย ลดการใช้เวลาหน้าจอลง และหมั่นพักสายตาจากหน้าจอ แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องหนึ่งในสารอาหารสำคัญที่อยากแนะนำเลยคือ แอนโธไซยานิน ที่มีอยู่ในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่โดยเฉพาะเบอร์รี่ที่มีสีม่วงและแดง ยิ่งไปถึงน้ำเงินเข้ม ยิ่งแสดงว่ามีปริมาณ แอนโธไซยานินสูง อย่างเช่น บิลเบอร์รี่ แบลคเคอร์แรนท์ อะซาอิเบอร์รี่ สตอร์เบอร์รี่ ฯลฯ ซึ่งจากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า สารแอนโธไซยานินมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดอนุมูลอิสระที่เซลล์ของ จอประสาทตา ช่วยป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา แถมยังลดความเสี่ยงของภาวะต้อกระจก ช่วยคลายความเหนื่อยล้าของดวงตา และช่วยการมองเห็นในที่มืดอีกด้วย
เพราะจอตาไม่เหมือนจอมือถือหรือจอคอมพิวเตอร์ ไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยน เสียแล้วจะซ่อมก็ยาก โดยเฉพาะวิถีชีวิตติดจอของคนในปัจจุบัน เราจึงต้องหมั่นดูแลบำรุงดวงตาเป็นพิเศษ เพื่อให้ดวงตาของเราอยู่กับเราใช้งานได้นานมากที่สุด
Cr. Sanook